Turkey Day 3 : Pamukkale

เช้านี้พวกเรานัดกัน 7 โมงตรงเพื่อเช็คเอาท์แล้วไปขึ้นรถไฟ รถไฟจาก Basmane ไปสุดทางที่ Denizli มีรอบ 7.45 ถึง Denizli ตอน 12.01 ค่าตั๋วคนละ 20.25 ลีร่า ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินซื้อแซนด์วิชไก่กินกันเป็นอาหารเช้า แล้วนั่งรอที่ห้องรอในสถานีพออุ่นๆ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

วันนี้เราต้องหอบหิ้วกระเป๋ากันมาด้วยเพื่อเอาไปฝากไว้ที่สถานีรถบัสที่ Denizli ก่อนไปเที่ยวปามุกคาเล่กัน

จากสถานีรถไฟเดินนิดเดียวก็ถึงสถานีรถบัสซึ่งใหญ่โตมาก ให้อารมณ์ประมาณสายใต้บ้านเราเลย มีรถจากหลายๆ บริษัทคอยขายตั๋วในเส้นทางเดียวกัน พอเดินมาถึงก็เลยมีคนเดินตามโปรโมทบริษัทตัวเองใหญ่ พวกเราไม่สนใจ เดินลงชั้นล่างฝากกระเป๋ากันก่อน ใบละ 5 ลีร่า ฝากได้ 24 ชั่วโมง

รถแต่ละบริษัทของที่นี่แนะนำให้ลองไล่ๆ ถามราคาดูกันเอง บางเจ้าบอกราคาสูงแต่ต่อได้ พอทำท่าจะเดินจากมาก็ลดราคาให้ก็มี บางเจ้าก็รับฝากกระเป๋าฟรีด้วย อาจไม่ต้องเสีย 5 ลีร่าค่าฝาก แต่พวกเราไปเที่ยวปามุกคาเล่กันก่อนแล้วค่อยกลับมาซื้อตั๋วไป Konya คืนนี้ที่นี่อีกที

พวกเราเดินมาขึ้นรถตู้ไปปามุกคาเล่ยี่ห้อ metro ที่ชั้นล่าง คนละ 3.5 ลีร่า จ่ายบนรถได้เลย ประมาณ 30 นาทีก็ถึง รถตู้นี้ไม่น่าจะมีรอบรถ คนเต็มเมื่อไหร่ก็ออก เดินลงมาถามหาได้เลย

มาถึงแล้วเราก็แวะกินข้าวเที่ยงกันตรงร้านใกล้ๆ ที่รถมาจอด อาหารก็คล้ายๆ ที่กินกันไปแล้วเมื่อวาน ไก่ๆ วัวๆ เคบับ แป้งๆ ข้าวๆ รสชาติพอใช้ได้ พอกินเสร็จเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย ก็เดินมุ่งหน้าไปปามุกคาเล่กัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

เดินๆ ไปพอเห็นภูเขาสีขาวๆ ก็รู้เลยว่าถึงแล้ว ค่าเข้าที่นี่คนละ 25 ลีร่า ไปถึงต้องถอดรองเท้าเดิน (ต้องเตรียมถุงไว้ใส่รองเท้าด้วย) ถามว่าหนาวมั้ยก็ไม่มาก เพราะน้ำที่ไหลลงมานั้นอุ่นๆ ดี หนาวเมื่อไหร่ก็เอาเท้าแช่น้ำเอา แต่หินแข็งๆ เป็นริ้วๆ นี่ทำเอาเจ็บเท้าใช้ได้เหมือนกัน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ปามุกคาเล่ แปลว่าปราสาทปุยฝ้าย ด้วยสีขาวสมชื่อ ที่เป็นสีขาวได้แบบนี้เพราะหินทราเวอทินล้วนๆ หินนี้เป็นหินตะกอนจากน้ำพุร้อน เค้าเชื่อกันว่าน้ำแร่ที่นี่นั้นรักษาโรคได้ด้วย คนส่วนใหญ่เลยนิยมมาแช่น้ำกันในหน้าร้อน

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

IMG_4850

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

หน้าหนาวคิดว่าคนจะน้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมี เพียงแต่ไม่มีคนแช่น้ำเลย เห็นฝรั่งอยู่คนเดียวที่แช่อยู่ที่จุดบนสุด เดินไปถ่ายรูปไป ขึ้นไปถึงด้านบนก็ใส่รองเท้าได้เหมือนเดิม

ด้านบนนี้กว้างมาก และยังมีจุดเที่ยวคือ เฮียราโพลิส และเนโครโพลิส ซึ่งเป็นซากเมืองโบราณ เค้าว่ากันว่าเมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศของพวกคนใหญ่คนโตในสมัยโรมัน ถ้าใครชอบต้องเผื่อเวลาไว้ด้วย เพราะกว้างมากจริงๆ เดินกันขาลาก แถมยังมีพิพิธภัณฑ์อยู่ด้านบนนี้ด้วย

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ถ้าใครมาหน้าหนาวก็เตรียมตัวสัมผัสความเย็นทีน (teen) กันได้ในขากลับ ซึ่งหนาวจับใจกว่าขาขึ้นมาก แต่ถามว่าคุ้มกับความสวยของสีชมพูอมส้มที่สะท้อนลงบนน้ำมั้ย ก็ต้องบอกว่าคุ้ม ได้อารมณ์ไปอีกแบบต่างจากตอนฟ้าสวยๆ ใสๆ ถ้าเดินลงแล้วหนาวเจ็บจนชาแทบทนไม่ไหว ก็แวะพักเอาขาจุ่มน้ำอุ่นๆ ให้พอทนได้แล้วรีบเดินต่อ

IMG_4807

IMG_4825

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

ช่วงสุดท้ายก่อนถึงจุดที่กลับมาใส่รองเท้าได้อีกครั้งนี่แทบจะกลายเป็นวิ่งแล้ว เท้าหมดความรู้สึกไปเรียบร้อย แถมเริ่มมืดจนต้องเปิดไฟฉายจากมือถือเข้าช่วยด้วย เป็นปามุกคาเล่ที่น่าประทับใจจริงๆ

กลับลงมาก็มืดแล้ว เดินหาที่ที่รถมาจอดส่ง เพื่อจะขึ้นรถตู้เดิมกลับไปที่สถานีรถบัส พอถึงสถานีก็แวะซื้อตัวรถไป Konya สุดท้ายตัดสินใจซื้อยี่ห้อ Kontur ที่ต่อราคาตั๋วได้เหลือ 42 ลีร่าต่อคน รถออกเที่ยงคืน ก็เลยต้องนั่งๆ นอนๆ รอเวลา

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

(เหตุที่พวกเราตัดสินใจแวะ Konya ก่อนที่จะมุ่งหน้าไป Goreme เลยก็เพราะว่าไม่อยากนั่งรถทีเดียวไกลเกินไป เพราะจาก Denizli ถ้าตรงไป Goreme เลยก็นั่งรถประมาณ 10 ชั่วโมงทีเดียว)

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

พวกเราหาข้าวเย็นกินกัน ออกมากินกันที่หน้าสถานีรถ รสชาติพอกินได้ แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ เสร็จแล้วก็มานั่งรอเวลาในสถานี เจอเก้าอี้พอนอนได้ เลยจัดไปยาวๆ จนเกือบๆ เที่ยงคืนนั่นล่ะที่มีตำรวจมาไล่ไม่ให้นอน

PC060372

สุดท้าย อีรถยี่ห้อ Kontur นี่ก็ดันมาเลท โผล่มาตอนเกือบๆ ตี 1 ได้ แถมที่นั่งก็ค่อนข้างแคบ ฝรั่งขายาวที่นั่งข้างหลังก็ไม่ยอมให้เราเอนเบาะนอนด้วย -_- เป็นการนั่ง 6 ชั่วโมงกว่าที่ค่อนข้างทุลักทุเลใช้ได้

พวกเรามาถึง Konya กันราวๆ 7 โมงเช้าในที่สุด… แล้วไปต่อกันใน Day 3 อีกทีนะ

 

ค่าใช้จ่ายวันนี้

ขนมปัง 1 ลีร่า

แซนด์วิช 3 ลีร่า

ค่ารถตู้ไปปามุกคาเล่ 3.5 ลีร่า กลับอีก 3.5 ลีร่า

ค่ารถบัสไป Konya 42 ลีร่า

ค่าเข้าปามุกคาเล่ 25 ลีร่า

อาหารเที่ยง 75 ลีร่า (กองกลาง)

อาหารเย็น 71 ลีร่า (กองกลาง)

Turkey Day 1-2 Izmir – Seljuk – Ephesus

ตุรกี (ในวันที่ข่าวไม่เป็นใจ) 4-15 ธันวาคม 2558

พวกเราวางแผนทริปตุรกีไว้ตั้งแต่ช่วงกลางๆ ปี โดยได้แรงบันดาลใจจากระทู้นี้

http://pantip.com/topic/31100717

และหนังสือไกด์บุ๊คตุรกีเล่มหนึ่งที่เพื่อนสนิทให้ไว้เป็นของขวัญวันแต่งงาน

 

หลังจากกำหนดวันกันคร่าวๆ ก็ดำเนินการซื้อตั๋วเครื่องบินเสร็จสรรพ ซึ่งโชคดีมาก ได้ตั๋วโปรโมชั่นแสนถูกของ Aeroflot` เวียที่รัสเซียประมาณ 3 ชั่วโมง ในราคา 21,808 บาทถ้วน

ทว่าหลังจากเข้าใกล้วันเดินทางมากขึ้นๆ ข่าวเกี่ยวกับตุรกี รัสเซีย ก็ประเดประดังเข้ามาจนคนรอบตัวพวกเราพากันนอยด์แทน แน่นอนว่าพวกเรายังยืนหยัด แต่ครอบครัวที่อยู่ข้างหลังนี่สิที่เป็นกังวล

เราไม่ได้ไปตุรกีอย่างเดียว แต่ไปด้วยสายการบินของรัสเซียซะด้วย 555 ในวันที่สองประเทศนี้กำลังมีเรื่องกันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนหน้าเดินทางประมาณ 3 วัน มีข่าวระเบิดที่ subway ของอิสตันบูล สิ่งเดียวที่เราภาวนาคือ ไม่อยากให้ที่บ้านเห็นข่าวนี้ เพราะไม่อยากให้พวกเค้าเป็นห่วง เราเช็คกับคนในพื้นที่แล้วหลายรอบ หลายๆ คนที่อยู่อิสตันบูลหรือเมืองอื่นบอกว่า มันปกติดีทุกอย่าง (นัยว่าคงคล้ายๆ ตอนเราเกิดเหตุระเบิดที่พระพรหม จุดอื่นก็ดำเนินชีวิตกันไปแบบปกติดี ไม่มีอะไร)

สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจไปกันแบบชิลๆ วางแผนมาแล้ว จ่ายเงินมาแล้ว และใจก็ลอยไปแล้ว อะไรจะมาฉุดเราไว้ได้ล่ะงานนี้

Untitled

นี่คือแผนคร่าวๆ ของเรา

อิสตันบูล > อิซมิช เพื่อไปเซลจุก > ปามุคคาเล่ > คอนย่า > คัปปาโดเกีย (​goreme) > อิสตันบูล (เป็นวงกลมพอดี)

 

ลองมาดูค่าใช้จ่ายคร่าวๆ กันก่อน

  • ค่าตั๋วไปกลับ กทม. – อิสตันบูล Aeroflot 21,808 บาท
  • ค่าตั๋วอิสตันบูล – Izmir สายการบิน atlasglobal 912 บาท
  • ค่าตั๋ว goreme (สนามบิน kayseri) – อิสตันบูล Turkish Airline 1,690 บาท
  • ค่าโรงแรม (izmir 1 คืน, konya 1 คืน, Cappadocia 2 คืน, Istanbul 4 คืน) ประมาณ 7,600 บาท
  • ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ประมาณ 3,500 บาท
  • ค่าขึ้นบอลลูน ประมาณ 5,100 บาท (130 euro)
  • ค่าเดย์ทัวร์ที่ cappadocia 1,750 บาท (45 euro)
  • ค่าเดินทางอื่นๆ ค่าอาหาร ค่าของฝากเล็กๆ น้อยๆ สำหรับ 10 วัน ประมาณ 9,000-10,000 บาท
  • ค่าประกันการเดินทาง 900-1,000 บาท

รวมทริปนี้ส่วนตัวเราใช้ไปทั้งหมดประมาณ 52,000 บาทค่ะ

* เรทแลกเปลี่ยนตอนนั้นอยู่ที่ ยูโร = 39.01 ส่วนลีร่า ถ้าแลกจากไทย = 15 บาท ถ้าเอายูโรไปแลกที่ตุรกี จะได้ลีร่าละ 12-13 บาทค่ะ

 

Day1-2 กรุงเทพ – Istanbul – Izmir – Selcuk (Ephesus)

เครื่อง aeroflot ออกตอน 12.40 ของวันที่ 4 ธ.ค. ค่ะ ชาวแก๊งนัดกันที่สุวรรณภูมิตอน 10.30 น. ส่วนเรามาก่อนแล้วลงไปแลกเงินที่ Superrich ชั้น B (เปิดตั้งแต่ 9.00-22.00) เรทเท่ากับสาขาอื่นๆ ค่ะ เช็คในแอพได้เลย แนะนำให้แลกเป็นเงินยูโรไปค่ะ แล้วค่อยไปแลกลีร่าที่ตุรกี (ร้านแลกเงินหาง่ายมาก) แต่เรากันเหนียวไว้ แลกเศษลีร่าไปด้วย 100 ลีร่า (ประมาณ 1500 บาท)

เครื่องจากกรุงเทพไปถึงมอสโคว์ตอน 18.40 (เวลาช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง) นั่งรอเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก็ต่อเครื่องจากมอสโคว์มาถึงอิสตันบูล จากกทม.ไปมอสโคว์ประมาณ 10 ชั่วโมง แต่จากมอสโคว์ไปอิสตันบูลแค่ 3 ชั่วโมงกว่าเท่านั้นเองค่ะ อาหารบนเครื่องก็ถือว่าโอเค ไฟลท์ยาวเสิร์ฟ 2 มื้อ ไฟลท์สั้นเสิร์ฟ 1 มื้อ (เครื่องไฟลท์ยาวค่อนข้างใหญ่ สิ่งอำนวยความสะดวกครบดีค่ะ)

PC040001

PC040002

มาถึงอิสตันบูลตอน 00.40 น. รับกระเป๋าแล้วนั่งรอเวลาค่ะ เพราะเราจะต่อเครื่องในประเทศจากอิสตันบูล ไปอิซมิชต่อเลย เลือกรอบที่ออก 7.00 น. เอาไว้ไปถึงปลายทาง 7.55 น.

ระหว่างรอพวกเราก็นอนสิงกันอยู่ตรงทางเชื่อมระหว่าง international และ domestic terminal แบบนี้

PC050004

ก่อนจะนอนตัดสินใจซื้อ sim จากในสนามบินไปเลยค่ะ เพราะก่อนไปเสิร์ชหาข้อมูลแล้วว่าการใช้มือถือในตุรกีค่อนข้างยุ่งยาก ต้องมีการลงทะเบียน ตอนรับกระเป๋าออกมาเจอบูธของ Avea ใหญ่สุดเลยเลือกเจ้านี้เลย ถามราคาแล้วได้ความว่า data 4 gb ใช้ได้ 30 วัน ราคา 100 ลีร่า จริงๆ มีแพ็คเกจอื่นแต่ซิมเค้าหมด มีเยอะกว่านี้ก็​ 8 gb 130 ลีร่าไปเลย ซึ่งเยอะเกินความต้องการ ส่งเครื่องให้พนักงานจัดการใส่ซิม เทสต์เครื่องว่าใช้ได้ ลงทะเบียนให้เรียบร้อย สอบถามได้ความว่าถ้าเป็นมือถือที่ไม่เคยเอาเข้ามาใช้ที่ตุรกีมาก่อนก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าเคยลงทะเบียนใช้ไปแล้ว จะใช้อีกรอบไม่ได้ แล้วหลังจากที่ซื้อ เพื่อนเราเดินดูค่ายอื่นเห็นว่าราคาสูงกว่าเกือบหมด เท่าที่ใช้ไป 10 วันถือว่าคลื่นใช้ได้เลยค่ะ และสุดท้ายเราใช้ไปแค่ 1 gb กว่าๆ เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นถ้าเจอแพ็คเกจเล็กกว่านี้ก็น่าจะพอนะ

เคาน์เตอร์แลกเงินที่สนามบินนั้น เรทจะสูงกว่าข้างนอก แต่ก็ยังดีกว่าที่เมืองไทยค่ะ แลกให้พอค่ารถนิดหน่อยแล้วไปหาแลกในเมืองจะดีกว่า เพราะนอกจากเรทแพงกว่าแล้วยังคิดค่าคอมมิชชั่นประมาณ 4-4.1% ด้วย ส่วนร้านรับแลกเงินข้างนอกส่วนใหญ่ไม่มีคอมมิชชั่น เค้าจะเขียนโฆษณาไว้เลยค่ะว่า no commission ไม่แน่ใจก็สอบถามก่อนแลกได้

เที่ยวบินในประเทศของ atlasglobal ราคาแค่ 912 บาทนั้นรวมค่าโหลดกระเป๋าแล้ว แถมยังแจกแซนด์วิชร้อนๆ บนเครื่องให้ด้วย ทั้งๆ ที่บินแค่ 55 นาทีเท่านั้นเอง

ตอนแรกที่หาข้อมูลเอาไว้ พอลงสนามบินอิซมิชแล้ว เรากะจะนั่ง izban ซึ่งเป็น metro ของเค้าเข้าเมือง แต่พอดีเห็นรถบัส havas จอดอยู่พอดี สอบถามได้ความว่ารถบัสจะเร็วกว่า บอกเค้าไว้ว่าจะลง basmane station ให้เค้าช่วยบอกตอนถึงก็โอเค ค่ารถคนละ 10 ลีร่า จ่ายบนรถได้เลยค่ะ havas นี้จะจอดเป็นป้ายๆ ระหว่างทางด้วย

PC050006

ใช้เวลาประมาณ 35 นาทีก็มาถึงวงเวียนใหญ่ๆ ใกล้ๆ สถานี basmane ซึ่งโรงแรมที่เราจองไว้ก็อยู่ตรงวงเวียนเลย เดินทางไปสถานีสะดวกมากๆ พวกเราฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน แล้วเดินมาที่สถานีเพื่อซื้อตั๋วรถไฟไป selcuk กันวันนี้เลย ค่ารถไฟแบบ one way ราคา 6.5 ลีร่า ถ้าไปแล้วกลับราคา 10 ลีร่าค่ะ เราซื้อกันแบบไปกลับ เพราะคืนนี้ก็กลับมานอน izmir กัน

PC050013 PC050017

รถไฟจาก basmane ที่จะวิ่งผ่าน selcuk คือรถไฟที่วิ่งไปสุดทางที่ denizli ลองเช็ครอบให้ดี เพราะบางทีแต่ละรอบก็ห่างกันนานเหมือนกัน ถ้าพลาดแล้วอาจทำให้ผิดแผนได้เลยค่ะ เราได้รถไฟรอบ 11.25 ซึ่งจะไปถึงสถานี selcuk ตอน 12.39

ยังเหลือเวลา ก็เลยหาอาหารมื้อแรกในตุรกีกินกัน เดินแล้วจิ้มร้านมั่วค่ะ จะสั่งก็ถามกันงงๆ เพราะคนขายก็ดูไม่ค่อยจะได้ภาษาอังกฤษ ได้แต่ดูรูป ถามว่าไก่หรือเนื้อ แล้วจิ้มมั่วเอา เปิดมื้อแรกไปแบบไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าพอกินได้ค่ะ

PC050018 PC050019 PC050020

หลังจากเราเที่ยวกันไปแล้วถึงได้ค้นพบว่า เราสามารถประหยัดเวลาได้ด้วยการเลือกไปพักที่ selcuk ก็ได้ เพราะมีรร.อยู่เยอะเหมือนกัน แถมไม่ต้องตีรถย้อนมาที่ izmir อีก 1 ชั่วโมงด้วย เพราะวันรุ่งขึ้นที่จะต้องไป pamukkale เราก็ต้องนั่งรถไฟสายเดิมคือ basmane – selcuk – denizli นั่นเอง ซึ่งจาก basmane มาถึง selcuk ก็ตั้งชั่วโมงนิดๆ แล้ว แต่ถ้าสุดสายที่ denizli ก็ 3 ชั่วโมงกว่าเลยทีเดียว ทนลากกระเป๋ามา selcuk แล้วค่อยไปเที่ยว Ephesus ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยค่ะ ยกเว้นว่าใครมีแพลนจะเที่ยวในอิซมิชด้วย การพักในอิซมิชอาจเป็นทางเลือกที่ดี อิซมิชเองก็เป็นเมืองใหญ่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่น้อยค่ะ แต่เวลาของแก๊งเรามีจำกัด เลยเลือกมาเฉพาะไฮไลท์เท่านั้นจริงๆ

ตามข้างทางแทบทุกที่จะมีขายขนมปังแบบนี้ เรียกว่า ซิมิต ค่ะ แต่ลองชิมแล้วมันไม่อร่อยจริงๆ ทั้งแข็งทั้งเย็น

PC050024

วิวข้างทางระหว่างนั่งรถไฟก็สวยนะคะ ตุรกีเป็นประเทศที่มี landscape สวยทีเดียวค่ะ

PC050036

รถไฟมาถึงที่สถานี selcuk แล้ว เราก็เปิด google map เดินต่อไปยัง selcuk otogar หรือสถานีรถบัสนั่นเอง ที่นี่จะมีรถเพื่อนั่งไปยังทางเข้า Ephesus คิดค่ารถคนละ 2.5 ลีร่า ไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงค่ะ

พอลงรถแล้ว เดินไปตรงทางเข้า ด้านนอกจะมีห้องน้ำ คิดค่าเข้า 1 ลีร่า แต่ถ้าเราซื้อตั๋วแล้วไปเข้าด้านในไม่เสียเงินนะคะ แต่ควรเข้าที่ปากทางเลย เพราะข้างในตลอดระยะทาง 3 กม. นั้นไม่มีห้องน้ำจุดอื่นแล้ว

ก่อนเข้า Ephesus คุณอาจเจอคนขับแท็กซี่มาเชิญชวนให้นั่งรถไปกับเค้า เค้าจะพาไปดู Virgin Mary ​House ก่อน (เป็นที่ที่่เชื่อว่าเป็นสถานที่สุดท้ายที่พระแม่มารีอาศัยอยู่ค่ะ) ซึ่งมันเดินไม่ไหวแน่ๆ ถ้าคุณอยากดู เพราะห่างจากจุดที่อยู่ประมาณ 13 กม. ดูเสร็จแล้วเค้าจะพาไปส่งที่ Ephesus ด้านบนอีกทางเข้านึง คุณจะได้เดินลงอย่างเดียวแค่ 3 กม. ไม่ต้องเดินขึ้นและเดินกลับทางเก่ารวม 6 กม. ก็ฟังดูเป็นทางเลือกไม่เลวค่ะ ถ้าอยากใช้บริการจงต่อราคา ตอนแรกเค้าเรียกราคาพวกเราที่ 70 ลีร่า พอเดินห่างมาก็เหลือ 60 และ 50 ในที่สุด แต่เราก็ไม่ได้ใช้่บริการเค้าอยู่ดีค่ะ

ค่าเข้า Ephesus 30 ลีร่า แต่ถ้าอยากเข้า terrace house ที่อยู่ด้านในด้วย ก็เสียรวม 40 ลีร่า พวกเราเลือกแบบ 40 ลีร่าเลย เดินกันจนเมื่อยจริงๆ ค่ะ เพราะกว้างมาก และทางบางตอนก็เป็นเนินขึ้นด้วย แต่ก็สวยมากจริงๆ

ไฮไลท์ของ Ephesus น่าจะอยู่ที่ Grand theatre และ library of celsus ที่เป็น symbol ให้เราเห็นตามภาพถ่ายบ่อยๆ ส่วน terrace house หรือโครงการบ้านจัดสรรที่ต้องเสียเงินเข้าไปเพื่อชมเพิ่มนั้นก็นับว่าน่าทึ่งไม่น้อยเลยค่ะ เมื่อคิดย้อนไปว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ 3,000 ปีที่แล้ว

PC050056

PC050070

PC050077

PC050079

terrace house หน้าตาแบบนี้

PC050088

PC050100

PC050103

ที่ ephesus นี่มีแมวเยอะมากค่ะ ดูเป็นสัตว์เทพเจ้าขึ้นมาเลย

PC050118

ข้อดีของการมาเที่ยวในหน้าหนาว แถมยังมีข่าวไม่ค่อยจะดีนั้นคือ การที่สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งนั้นคนน้อยมากๆ ทำให้เราได้รูปที่ไม่พลุกพล่านเห็นแต่ทะเลฝูงชนอย่างเดียว

PC050126

PC050133

PC050149

IMG_4619

IMG_4599

หลังจากชมเอฟเฟสซุสเสร็จ เราก็นั่งรถแบบเดิมย้อนกลับไปที่สถานี 2.5 ลีร่า เปิด google map แล้วตามหาร้านอาหารที่เค้าแนะนำกันมาว่าอร่อย ชื่อ Mehmet and alibaba พอเข้าร้านแล้วรู้เลยว่าคงต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวไทยมาไม่น้อย เพราะมีเมนูภาษาไทยด้วย

เมนูขึ้นชื่อของที่นี่คือ Adana Kebab ค่ะ adana คือเนื้อวัวผสมเนื้อแกะ เคบับที่นี่จะเสิร์ฟพร้อมข้าว เฟรนช์ฟรายด์ และผักสลัด (แนะนำว่าให้เอาน้ำสลัดจากเมืองไทยติดมาด้วยจะอร่อยล้ำมากค่ะ เพราะผักสดมาก) เราสั่งกันทั้งปลา ไก่ เนื้อ และ adana เพื่อนๆ ยังไม่พลาด Efes beer ที่ขึ้นชื่อของที่นี่ด้วย สรุปได้ความว่าร้านนี้เอาไปสามผ่านเลยค่ะ อร่อยถูกปากเลย

PC050156 PC050157 PC050158 PC050159

ค่าอาหารที่นี่พวกเคบับส่วนใหญ่จะจานละ 11-25 ลีร่า แล้วแต่เนื้อและแล้วแต่ร้าน ส่วนเบียร์ขวดละ 8 ลีร่า (แบบกระป๋องตาม supermarket ประมาณ 6 ลีร่า) น้ำอัดลม 1.5-5 ลีร่า แล้วแต่ว่าซื้อจากไหนค่ะ ในร้านอาหารก็จะมาร์คราคาไว้สูงหน่อย ส่วนน้ำเปล่าขวดเล็กประมาณ 0.5-1 ลีร่า

เรากลับมายังอิซมิชด้วยรถไฟรอบ 17.59 ถึงโรงแรมตอนทุ่มกว่าๆ อาบน้ำแล้วก็สลบเหมือด เพราะไม่ได้แตะเตียงนุ่มๆ มากว่า 36 ชั่วโมงแล้ว ตื่นมาพรุ่งนี้แล้วค่อยมาลุยกันต่อ

โฉมหน้า walk in hotel คืนนี้ของเราค่ะ กะทัดรัด แต่สะอาดสะอ้าน นอนสบาย พนักงานก็บริการโอเคค่ะ

IMG_4639

IMG_4638

 

สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้

ซิมโทรศัพท์ 100 ลีร่า

Havas bus จากสนามบิน 10 ลีร่า

รถไฟไปกลับ basmane – selcuk 10 ลีร่า

ค่าเข้า Ephesus + terrace house 40 ลีร่า

ค่าอาหารเที่ยง 40 ลีร่า (กองกลาง)

ค่าอาหารเย็น 130 ลีร่า (กองกลาง)

ค่ารถไป Ephesus 2.5 ลีร่า

ค่ารถกลับจาก Ephesus มาสถานีรถ 2.5 ลีร่า

ซื้อขนมและเข้าห้องน้ำ 2.5 ลีร่า